ตัวสร้างแอปคือเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ที่มีความรู้ด้านการเขียนโค้ดเล็กน้อยสามารถสร้างแอปพลิเคชันสำหรับมือถือหรือเว็บไซต์ได้ แพลตฟอร์มเหล่านี้มักมีส่วนติดต่อแบบลากแล้วปล่อย เทมเพลตที่สร้างไว้ล่วงหน้า และการผสานรวมระบบเพื่อช่วยให้พัฒนาแอปได้ง่ายขึ้น ซึ่งมักนำไปใช้โดยธุรกิจ ผู้ประกอบการ และนักพัฒนาในการสร้างต้นแบบ เครื่องมือภายใน หรือแอปพลิเคชันเต็มรูปแบบอย่างรวดเร็วและคุ้มค่า
ตัวสร้างแอปมีส่วนในการ
ปฏิวัติการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยทําให้ผู้คนในวงกว้างเข้าถึงการพัฒนาแอปได้มากขึ้น ได้แก่ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ผู้ประกอบการ และบุคลากรที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิค และยังเห็นความสำคัญได้ในหลายๆ ด้านหลัก
ทําให้ผู้คนในวงกว้างเข้าถึงการพัฒนาแอปได้มากขึ้น โดยทั่วไปแล้ว การพัฒนาแอปต้องใช้ทักษะการเขียนโค้ดระดับมืออาชีพและต้องมีการลงทุนจำนวนมากในเครื่องมือและโครงสร้างพื้นฐาน ตัวสร้างแอปช่วยให้ผู้ประกอบการ ธุรกิจขนาดเล็ก และผู้สร้างที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคสามารถพัฒนาแอปได้โดยไม่ต้องพึ่งพานักพัฒนาที่มีทักษะสูง
เร่งเวลาออกสู่ตลาด การพัฒนาแอปแบบเดิมอาจต้องใช้เวลานานหลายเดือน ในขณะที่ตัวสร้างแอปช่วยให้ผู้สร้างสามารถพัฒนาต้นแบบหรือแอปพลิเคชันเต็มรูปแบบได้ภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ ธุรกิจสามารถทำซ้ำและปรับใช้แอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป
เพิ่มความคุ้มค่า การจ้างนักพัฒนามืออาชีพและการบำรุงรักษาแอปพลิเคชันแบบกำหนดเองมีค่าใช้จ่ายสูง ตัวสร้างแอปช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีทีมพัฒนาแบบครบทีม และในบางกรณีก็เสนอราคาค่าสมาชิกในราคาย่อมเยาอีกด้วย
สนับสนุนความยืดหยุ่นและการเลือกกําหนด เทมเพลตที่สร้างไว้ล่วงหน้าและส่วนประกอบแบบลากแล้วปล่อยช่วยให้พัฒนาได้ง่ายยิ่งขึ้น ตัวสร้างแอปส่วนใหญ่จะอนุญาตให้รวมระบบกับบริการต่างๆ ได้ เช่น ฐานข้อมูล, API และเกตเวย์การชำระเงิน เพื่อขยายฟังก์ชันการทำงานให้ครอบคลุม
เชื่อมโยงช่องว่างทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เนื่องจากขาดแคลนผู้พัฒนาที่มีทักษะ ธุรกิจหลายแห่งจึงประสบปัญหาในการตอบสนองต่อความต้องการในการพัฒนาแอป ตัวสร้าง แอปช่วยให้ทีมธุรกิจ นักการตลาด และผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ สามารถสร้างแอปของตนได้โดยไม่ต้องพึ่งพานักพัฒนา
ตัวสร้างแอปมีสองประเภท ได้แก่:
แบบ No-Code การพัฒนาแบบ No-Code เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิค ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก หรือนักพัฒนาพลเมืองที่ต้องการโซลูชันที่รวดเร็วและคุ้มค่า ในการใช้ตัวสร้างแอปแบบ No-Code หากคุ้นเคยกับส่วนติดต่อแบบลากแล้วปล่อยดีอยู่แล้วอาจเป็นประโยชน์ เนื่องจากแพลตฟอร์มแบบ No-Code ส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมแก้ไขแบบเน้นใช้ภาพเป็นหลัก ผู้สร้างควรมีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับตรรกะทางธุรกิจ และวิธีการทำงานของเวิร์กโฟลว์ โครงสร้างข้อมูล และระบบอัตโนมัติ หากเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ ได้ เช่น ฐานข้อมูล ก็จะมีประโยชน์เช่นกัน
แบบ Low-Code การพัฒนาแบบ Low-Code เหมาะสำหรับนักวิเคราะห์ธุรกิจ ทีมเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือนักพัฒนาที่มีประสบการณ์การเขียนโค้ดน้อย ซึ่งมอบความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจที่ต้องการปรับแต่งเพียงบางส่วน แต่ต้องการเร่งการพัฒนาให้เร็วขึ้น แม้ว่าแพลตฟอร์มแบบ Low-Code จะเขียนโค้ดน้อยลง แต่หากมีความรู้เกี่ยวกับ JavaScript, SQL หรือ Python ก็จะมีประโยชน์ในการปรับแต่ง นอกจากนั้น ความคุ้นเคยกับ API และการรวมระบบก็มีประโยชน์สำหรับการเชื่อมต่อกับบริการภายนอก ฐานข้อมูล และเครื่องมืออัตโนมัติอีกด้วย
การพัฒนาทั้งสองประเภทนี้แตกต่างจากการพัฒนาแบบเดิม ซึ่งเหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ซับซ้อน ปรับขนาดได้ และปลอดภัย ซึ่งต้องมีการควบคุมเต็มที่ การพัฒนาแบบเดิมที่นักพัฒนามืออาชีพ วิศวกรซอฟต์แวร์ และทีมเทคโนโลยีสารสนเทศใช้ต้องอาศัยความชำนาญขั้นสูงในภาษาการเขียนโปรแกรมต่างๆ เช่น Python และ JavaScript รวมถึงความเข้าใจในระบบส่วนหน้า ระบบส่วนหลัง ฐานข้อมูล และการรักษาความปลอดภัยด้วย
ติดตาม Power Platform