This is the Trace Id: eb82f5a6887908931dcf429a11371a5b
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
Power Platform

ทำไมการพัฒนาแบบ Low-Code จึงมีความสำคัญ

คนนั่งอยู่ที่โต๊ะกำลังดูหน้าจอคอมพิวเตอร์

การพัฒนาแบบ Low-Code คืออะไร

 

ความสามารถในการปรับเปลี่ยนและปรับตัวให้เข้ากับโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้กลายมาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจยุคใหม่ วิธีการและความรวดเร็วที่บริษัทของคุณตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าบริษัทของคุณจะประสบความสำเร็จในระยะยาวหรือไม่ เนื่องจากการแปลงข้อมูลเป็นดิจิทัลกลายเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น บริษัทของคุณจึงต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าและตามทันการแข่งขัน 

 

ธุรกิจของคุณสามารถปรับใช้การเปลี่ยนแปลงนี้ได้หลายรูปแบบ และการใช้การพัฒนาแบบ Low-Code ก็กลายมาเป็นวิธียอดนิยมมากขึ้นสำหรับธุรกิจเพื่อปรับตัวรับมือกับสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง 

 

จุดเด่นมีอะไรบ้าง แพลตฟอร์มการพัฒนาแบบ Low-Code ช่วยให้บริษัทสามารถสร้างและส่งมอบแอปพลิเคชันทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้การเขียนโปรแกรมแบบเดิมๆ เพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่เพียงแต่ประหยัดเวลาและช่วยให้บริษัทมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณสามารถโฟกัสไปที่แอปที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น แอปที่เกี่ยวกับประสบการณ์ลูกค้าและแอปที่ทำให้กระบวนการทางธุรกิจที่สำคัญเป็นอัตโนมัติ 

 

พูดง่ายๆ ก็คือ การพัฒนาแบบ Low-Code เป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการรับมือกับแรงกดดันจากความต้องการในการพัฒนาในระดับสูงและปัญหาการขาดแคลนนักพัฒนา โดยเป็นวิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นมีส่วนร่วมในการพัฒนาแอปโดยใช้ฟังก์ชันลากแล้วปล่อยและการแนะนำด้วยภาพ โดยมีประสบการณ์หรือความรู้ในการเขียนโค้ดเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย 

 

จุดเด่นของวิธีนี้คือแทบทุกคนจะสามารถพัฒนาแอปได้ พนักงานในองค์กรของคุณที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคหรือการเขียนโปรแกรมก็สามารถสร้างแอปพลิเคชันด้วยการพัฒนาแบบ Low-Code ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

 

เมื่อทุกคนสามารถสร้างแอปพลิเคชันได้โดยใช้วิธีการพัฒนาแอปแบบเรียบง่ายนี้ ก็จะเป็นการช่วยลดภาระงานของนักพัฒนามืออาชีพและทีม IT เพื่อให้พวกเขาใช้เวลากับการสร้างแอปที่ซับซ้อนและสำคัญต่อธุรกิจได้มากขึ้น และเมื่อนักพัฒนาเหล่านี้ใช้แพลตฟอร์มแบบ Low-Code ก็จะช่วยให้พวกเขาทำงานได้เร็วขึ้นเนื่องจากไม่ต้องเขียนโค้ดทีละบรรทัด 

 

มีเครื่องมือการพัฒนาอีกอย่างหนึ่งที่ใช้ส่วนติดต่อผู้ใช้แบบกราฟิก ซึ่งก็คือแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันแบบ No-Code แพลตฟอร์มแบบ No-Code ใช้เพื่อสร้างแอปง่ายๆ โดยไม่ต้องมีการขยายหรือการปรับแต่งมากนัก 

Power Apps ช่วยส่งเสริมนวัตกรรมด้วยเครื่องมือแบบ Low-Code

ขยายการพัฒนาแอปต่างๆ ในองค์กรของคุณด้วย Microsoft Power Apps ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบบ Low-Code ที่ช่วยให้นักพัฒนามืออาชีพทำงานได้เร็วขึ้น และช่วยให้คนอื่นๆ สามารถสร้างแอปทางธุรกิจที่มีเสถียรภาพสำหรับเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้

แพลตฟอร์มการพัฒนาแบบ Low-Code

 

แพลตฟอร์มแบบ Low-Code มีประโยชน์มากมายต่อธุรกิจของคุณ เช่น ให้เครื่องมือเพื่อช่วยให้องค์กรมีความคล่องตัวมากขึ้น และเพิ่มศักยภาพให้กับพนักงานในการสร้างแอประดับมืออาชีพที่แก้ไขปัญหาให้ธุรกิจ ได้อย่างรวดเร็ว

 

แพลตฟอร์มการพัฒนาแบบ Low-Code สามารถช่วยธุรกิจของคุณได้หลายวิธี: 

 

  • ประหยัดเวลาโดยการทำให้พนักงานในบริษัทของคุณสามารถพัฒนาแอปได้มากขึ้น แทนที่จะรอให้ทีมพัฒนาทำเท่านั้น
  • เพิ่มประสิทธิภาพโดยลดภาระงานของนักพัฒนาเพื่อให้พวกเขาสามารถโฟกัสไปที่การสร้างแอปที่ต้องมีการเขียนโค้ดแทน และช่วยให้ทีมของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ลดต้นทุนโดยทำให้ธุรกิจของคุณใช้พนักงานที่มีอยู่ในฐานะนักพัฒนาแอปแบบ Low-Code แทนที่จะว่าจ้างนักพัฒนาใหม่ ซึ่งช่วยให้นักพัฒนามืออาชีพสามารถสร้างแอปได้เพิ่มขึ้นโดยใช้เวลาที่น้อยกว่า
  • ยืดหยุ่นขึ้น การใช้แพลตฟอร์มแบบ Low-Code เพื่อเปลี่ยนแอปได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เวลาในการเขียนโค้ดที่ยาวนาน

 

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาแอปพลิเคชันแบบ Low-Code มาพร้อมกับความท้าทาย แม้ว่าการพัฒนาแบบ Low-Code จะไม่ต้องมีการลงมือเขียนโค้ดเองมากมายนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากทีม IT เลย เพราะในเส้นทางของการร่วมมือกันพัฒนาโปรแกรมแบบ Low-Code นั้น ทีม IT ยังคงต้องเป็นผู้ให้คำแนะนำแก่นักพัฒนาแบบ Low-Code และนักพัฒนาที่เน้นการเขียนโค้ดเป็นหลักอยู่ดี

 

เมื่อคุณนำเอาแนวทางการพัฒนาแบบ Low-Code มาใช้ ก็อาจทำให้บริษัทของคุณทำการตรวจสอบแอปที่พนักงานของคุณกำลังสร้างอยู่ได้ยาก ซึ่งอาจสร้างปัญหาด้านความปลอดภัย แพลตฟอร์มแบบ Low-Code ในองค์กรมักจะทำให้ทีม IT มองเห็นโครงการพัฒนาได้ยาก อย่างไรก็ตาม คุณสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้โดยย้ายไปยังแพลตฟอร์มระบบคลาวด์ ซึ่งช่วยจะช่วยคุณในเรื่องการตั้งค่าและจัดการการรักษาความปลอดภัยและการกำกับดูแลการพัฒนาแบบ Low-Code

ธุรกิจสามารถสร้างสิ่งใดด้วยแพลตฟอร์มการพัฒนาแอปแบบใช้โค้ดน้อยบ้าง 

 

ตัวอย่างต่อไปนี้คือกรณีการใช้ที่ใช้ได้จริงเกี่ยวกับสิ่งที่คุณสามารถสร้างด้วยแพลตฟอร์มแบบ Low-Code:

 

  • แอปประสบการณ์ใช้งานของลูกค้า เนื่องจากการพัฒนาด้านดิจิทัลในปัจจุบัน ทำให้ลูกค้าคาดหวังแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ใช้งานง่ายและใช้งานได้ดี การพัฒนาแบบ Low-Code ช่วยให้คุณสามารถอัปเกรดแอปที่มีอยู่ให้ทันสมัยและทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่รวดเร็วมากขึ้น 
  • แอปสายงานธุรกิจ เมื่อแอปล้าสมัย แอปจะไม่สนับสนุนกระบวนการปัจจุบันอีกต่อไป และไม่มอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุด แพลตฟอร์มแบบ Low-Code สามารถช่วยย้ายแอปเหล่านี้และช่วยให้กระบวนการงานอัตโนมัติง่ายขึ้น 
  • แอประบบอัตโนมัติและประสิทธิภาพการทำงาน แอปเหล่านี้มีเครื่องมือที่คุณต้องการในการทำงานให้เป็นอัตโนมัติและลดการพึ่งพากระบวนการที่ทำด้วยตนเองและที่ใช้เอกสาร 

ข้อควรพิจารณาหลักๆ ในการเลือกแพลตฟอร์มการพัฒนาแบบ Low-Code

 

ก่อนเริ่มโครงการพัฒนาแบบ Low-Code โครงการแรก คุณควรหยุดสักครู่เพื่อคำนนึงถึงเรื่องตัวเลือกแพลตฟอร์ม ต่อไปนี้คือคำถามสำคัญที่ควรคำนึงถึง: 

 

 

ขับเคลื่อนนวัตกรรม Low-Code ด้วย Power Apps

ขยายการพัฒนาแอปต่างๆ ในองค์กรของคุณด้วย Microsoft Power Apps ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบบ Low-Code ที่ช่วยให้นักพัฒนามืออาชีพทำงานได้เร็วขึ้น และช่วยให้คนอื่นๆ สามารถสร้างแอปทางธุรกิจที่มีเสถียรภาพสำหรับเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้

คำถามที่ถามบ่อย

  • การพัฒนาแบบ Low-Code เป็นวิธีการสร้างแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่มีการเขียนโค้ดน้อยกว่าการพัฒนาแบบดั้งเดิมที่เน้นการเขียนโค้ดเป็นหลัก แพลตฟอร์มแบบ Low-Code ใช้เครื่องมือแบบแสดงผลด้วยภาพที่มีฟังก์ชันลากแล้วปล่อย และระบบอัตโนมัติในการสร้างแอป การพัฒนาแบบ Low-Code มักจะเร็วและง่ายกว่าการพัฒนาแบบดั้งเดิม และคนที่มีประสบการณ์การเขียนโค้ดขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่แค่นักพัฒนามืออาชีพเท่านั้น ก็สามารถใช้เครื่องมือแบบ Low-Code เพื่อสร้างแอปได้
  • ตัวอย่างของการพัฒนาแบบ Low-Code ได้แก่ แอปที่ออกแบบมาสำหรับลูกค้า สายงานธุรกิจเฉพาะ หรือระบบอัตโนมัติและประสิทธิภาพการทำงาน แอปประสบการณ์ของลูกค้าจะช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินการง่ายๆ ได้ เช่น ติดตามการซื้อหรือเข้าถึงข้อมูลกิจกรรมต่างๆ แอปสายงานธุรกิจนั้นอาจแทนที่แอปที่ล้าสมัยซึ่งไม่รองรับกระบวนการปัจจุบันอีกต่อไปหรือขาดประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้ที่ดี ตัวอย่างเช่น แอปที่ช่วยจัดการค่าใช้จ่าย การจัดทำงบประมาณ การออนบอร์ด และออกตั๋วรับการสนับสนุนด้าน IT กระบวนการทางธุรกิจที่ต้องทำงานซ้ำๆ เช่น การป้อนข้อมูลลูกค้าลงในเครื่องมือ สามารถทำให้เป็นอัตโนมัติหรือทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้โดยใช้เวิร์กโฟลว์แบบ Low-Code นอกจากนี้ ยังสามารถทำการผสานรวม API แบบ Low-Code เพื่อรวมแพลตฟอร์มหรือระบบตั้งแต่สองรายการขึ้นไป ให้เป็นแพลตฟอร์มหรือระบบเดียวก็ได้ ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกในการเชื่อมต่อชุดข้อมูลสำหรับการคาดการณ์ขั้นสูง การวางแผน และการรวบรวมข้อมูลเชิงลึก
  • ประโยชน์หลักๆ ของแพลตฟอร์มแบบ Low-Code ได้แก่ ความรวดเร็วและการประหยัดต้นทุน เราสามารถใช้แพลตฟอร์มแบบ Low-Code เพื่อออกแบบและสร้างแอป เวิร์กโฟลว์ หรือกระบวนการได้อย่างรวดเร็วด้วยฟังก์ชันการทำงานที่เรียบง่าย โดยเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการช่วยให้การพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น และเป็นการเพิ่มศักยภาพให้ผู้ใช้ธุรกิจที่มีความรู้พื้นฐานในการเขียนโค้ดสามารถสร้างแอปที่ตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ นักพัฒนามืออาชีพสามารถใช้แพลตฟอร์มแบบ Low-Code เพื่อเร่งระยะเวลาในการพัฒนาได้ด้วย ซึ่งช่วยลดต้นทุนการพัฒนาโดยรวม 
  • การพัฒนาแบบ Low-Code จะไม่แทนที่การเขียนโค้ดแบบเดิม ทั้งนักพัฒนามืออาชีพและผู้ใช้ธุรกิจที่มีประสบการณ์การเขียนโค้ดมาบ้างจะสามารถใช้แพลตฟอร์มแบบ Low-Code เพื่อสร้างแอป เวิร์กโฟลว์ และกระบวนการง่ายๆ ได้ ในบางกรณี การผสมผสานระหว่างการพัฒนาแบบ Low-Code และการพัฒนาที่เน้นการเขียนโค้ดเป็นหลักอาจใช้งานได้ และบางโครงการที่ซับซ้อนหรือกำหนดเองเต็มรูปแบบนั้นเหมาะกับการเขียนโค้ดแบบดั้งเดิมมากกว่า นักพัฒนามืออาชีพออาจมองว่าแพลตฟอร์มแบบ Low-Code เป็นเครื่องมือที่ช่วยประหยัดเวลา แต่ไม่สามารถแทนที่ทักษะของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์
  • ส่วนติดต่อการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) นำมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสองแอปพลิเคชันขึ้นไป โดยกำหนดวิธีการส่งหรือแยกข้อมูลออกจากแต่ละแอปพลิเคชัน ประโยชน์หลักๆ ของ API ก็คือ สามารถเชื่อมต่อชุดข้อมูลที่แยกไว้ก่อนหน้านี้ได้ ซึ่งทำให้สามารถพัฒนาระบบที่ซับซ้อนได้ การสร้างและบำรุงรักษา API ที่เชื่อมต่อระบบธุรกิจต่างๆ อาจเป็นเรื่องท้าทาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักพัฒนาที่มีความสามารถด้านเทคนิคในการสร้าง API อาจไม่เข้าใจความต้องการทางธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต การรวม API แบบ Low-Code ทำให้ผู้ใช้ธุรกิจสามารถสร้าง API เองได้ ดังนั้นจะไม่มีอะไรตกหล่นในการสื่อสารกับนักพัฒนามืออาชีพ เครื่องมือการรวม API แบบ Low-Code สามารถรองรับ API จำนวนมากพร้อมกันได้ ทำให้การจัดการ การบำรุงรักษา และการอัปเดตง่ายขึ้น เพื่อลดเวลาหยุดทำงานและผลกระทบด้านลบต่อผู้ใช้
  • การพัฒนาแบบ Low-Code และ No-Code มีความคล้ายคลึงกันบางประการ รวมถึงจุดประสงค์หลักของการพัฒนา ทั้งสองอย่างสร้างขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกแทนการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบดั้งเดิม และทั้งสองอย่างนี้ทำให้ธุรกิจของคุณช่วยให้ผู้คนจำนวนมากสามารถสร้างแอปใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญในบางส่วน บนแพลตฟอร์มแบบ Low-Code นักพัฒนาต้องมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมเป็นอย่างน้อย แต่สำหรับแพลตฟอร์มแบบ No-Code ใช้วิธีการลากแล้วปล่อย และไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด แพลตฟอร์มแบบ No-Code จึงเหมาะสำหรับการสร้างแอปขนาดเล็กและมีความสามารถจำกัด และในทางตรงกันข้าม แพลตฟอร์มแบบ Low-Code จะช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอปที่ซับซ้อนมากกว่าได้

ติดต่อฝ่ายขาย

ขอให้เราติดต่อคุณ

ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย Power Apps ติดต่อคุณ

ติดตาม Power Platform