ลักษณะของแอปที่ดี
ผู้คนต่างใช้แอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่มากขึ้นกว่าที่เคย และการแข่งขันด้านแอปก็ยังคงสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ด้วยแอปที่มีจำนวนมากกว่า 2.5 ล้านรายการในปัจจุบัน เราจะสร้างแอปที่โดดเด่นได้อย่างไร และสิ่งใดทําให้แอปประสบความสําเร็จ
แอปสําหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ประสบความสําเร็จควรมอบประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้ที่ยอดเยี่ยมและช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังควรใช้งานง่ายและนำเสนอคุณค่าเพิ่มเติมให้แก่ผู้ใช้ที่จะไม่ได้รับจากเว็บไซต์ทั่วไป อีกทั้งยังรวบรวมข้อมูลเข้าด้วยกันเพื่อช่วยปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าได้อีกด้วย
คุณจะได้รับ ประโยชน์มากมายจากการสร้างแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ เพื่อเติมเต็มธุรกิจของคุณ หากดำเนินการได้อย่างถูกต้อง แอปที่ดีสามารถช่วยองค์กรของคุณได้:
- รวบรวมและจัดการข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า
- ปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ
- ปรับงานด้านการดูแลจัดการให้เป็นระบบอัตโนมัติ
- ปรับปรุงเนื้อหาทางการตลาด
- เพิ่มยอดขายและรายได้
คุณย่อมรู้จักธุรกิจของตนดีกว่าผู้อื่น ดังนั้นการสร้างแอปของคุณเองจึงช่วยให้คุณสร้างโซลูชันแบบกำหนดเอง ลดต้นทุนด้านการพัฒนา และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มลงลึกและเรียนรู้ วิธีการสร้างแอป สิ่งสำคัญคือคุณต้องรับทราบถึงฟีเจอร์บางอย่างที่ต้องมีเพื่อทำให้แอปดังกล่าวประสบความสำเร็จเสียก่อน ฟีเจอร์ทั่วไปห้าประการของแอปที่ดี ได้แก่:
- ส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี
- เวลาในการโหลดที่รวดเร็ว
- การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่แข็งแกร่ง
- การสนับสนุนผู้ใช้ที่ยอดเยี่ยม
- การรวมระบบในตัว
1. UI ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี
แอพสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่มีอัตราการเลิกใช้งานสูง ดังนั้นการสร้างความประทับใจแรกพบที่ยอดเยี่ยมจึงมีความสำคัญในการดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้ ความประทับใจแรกพบนี้มักจะเริ่มต้นด้วย UI ที่ใช้งานง่ายและน่าสนใจ ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเมื่อคุณสร้างแอป
UI ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีส่งผลดีต่อทั้งรูปลักษณ์และความรู้สึกของแอปและฟังก์ชันการใช้งานจริงด้วย แม้ว่าแอปจะมอบคุณค่ามากมายให้แก่ผู้ใช้ แต่หากแอปดังกล่าวใช้งานยาก คุณจะสูญเสียผู้ใช้ไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพวกเขาจะไม่ทุ่มเทเวลาเพื่อเรียนรู้การใช้งานส่วนติดต่อ และหากมีลักษณะไม่น่ามอง ผู้ใช้ก็จะไม่สนใจ ส่งผลให้การผลักดันการเริ่มนำไปใช้ทั่วทั้งองค์กรเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้น
ผู้คนส่วนใหญ่มักใช้แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ดังนั้น UI จึงควรได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับหน้าจอสัมผัสขนาดเล็ก ซึ่งหมายถึงการนำฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็นของแอปออกเพื่อให้การออกแบบดูไม่ยุ่งวุ่นวายหรือรกเกินไป รวมถึงการรับรองความสอดคล้องกันในการออกแบบระหว่างทุกแพลตฟอร์มและขนาดโทรศัพท์ทุกรูปแบบ
ความสอดคล้องด้านการออกแบบยังมีความจำเป็นในส่วนของอักษรศิลป์ ปุ่ม ไอคอน และแงค์ประกอบอื่นๆ ของการกำหนดตราสินค้าอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ใช้งานที่รวมเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้นขณะใช้งานแอป อีกทั้งยังช่วยให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้นอีกด้วย โครงสร้างของแอปควรสอดคล้องกัน โดยนำเสนอเนื้อหาที่สำคัญที่สุดให้เห็นอย่างชัดเจนที่สุด ซึ่งช่วยจัดลำดับชั้นของข้อมูล อำนวยความสะดวกให้กับการดำเนินการของผู้ใช้ และปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้
2. เวลาในการโหลดที่รวดเร็ว
เวลาในการโหลดที่รวดเร็วและตอบสนองได้ดีถือเป็นลักษณะสำคัญของแอปที่ดี และนำไปสู่ประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้ที่ดีขึ้น การรักษาผู้ใช้ที่สูงขึ้น และการเปลี่ยนมาใช้บริการที่มากขึ้น
แอปสําหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ดีไม่ควรใช้เวลาในการโหลดเกินห้าวินาที และควรใช้เวลาเพียงสองวินาทีเท่านั้น ผู้ใช้คาดหวังถึงความเสถียร ความน่าเชื่อถือ และความรวดเร็วจากแอปของตน และจะถอนการติดตั้งแอปที่ใช้เวลานานเกินไปในการโหลดหรือแอปที่หยุดทำงานบ่อยครั้ง สาเหตุทั่วไปบางประการที่แอปทำงานช้า ได้แก่:
- เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานเกินพิกัด
- ข้อมูลมากเกินไป
- เวอร์ชันซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัย
- โค้ดต้นฉบับขนาดใหญ่
- การเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสที่ไม่ได้รับการปรับให้เหมาะสม
หากต้องการสร้างแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่รวดเร็วและตอบสนองได้ดี คุณควรพิจารณาเปิดใช้งานการแคชเบราว์เซอร์, ใช้เครือข่ายการให้บริการเนื้อหา (CDN) ที่ดี และบีบอัดข้อมูล (เช่น รูปภาพ วิดีโอ กราฟิก และเนื้อหาเสียง) การอัปเดตแอปเป็นประจำและตรวจสอบประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อหาข้อผิดพลาดและจุดบกพร่องก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งจะช่วยให้แอปได้รับการอัปเดตร่วมกับระบบปฏิบัติการ โดยป้องกันการหยุดทำงาน ความล่าช้า ความบกพร่อง และปัญหาด้านประสิทธิภาพอื่นๆ ของแอป
3. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่แข็งแกร่ง
การรักษาความปลอดภัยเป็นคุณสมบัติของแอปที่คุณไม่ควรมองว่าเป็นประโยชน์ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็น การเจาะระบบความปลอดภัยเพียงครั้งเดียวหมายถึงการที่ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้ เช่น ชื่อผู้ใช้ อายุ ที่อยู่บ้าน หรือแม้แต่ข้อมูลธนาคาร ส่งผลให้ลูกค้าและข้อมูลทางธุรกิจของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง การเจาะระบบความปลอดภัยอาจทำให้ธุรกิจต้องสูญเสียเงินหลายพันดอลลาร์ในการล้างและกู้คืนข้อมูล รวมถึงความเสียหายทางการเงินเป็นจำนวนมากเนื่องจากต้องสูญเสียลูกค้าและทำให้แบรนด์เสื่อมเสียชื่อเสียง
เมื่อเนื้อหาและข้อมูลประเภทนี้ตกอยู่ในความเสี่ยง การรักษาความปลอดภัยจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อคุณคำนึงถึงวิธีการสร้างแอป เมื่อคุณพร้อมที่จะเริ่มต้น กระบวนการพัฒนาแอป โปรดพิจารณานำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านการรักษาความปลอดภัยบางส่วนไปใช้ เช่น:
- การออกแบบรหัสที่ปลอดภัยซึ่งช่วยให้สามารถอัปเดตและแก้ไขได้ง่าย
- การใช้การทำให้โค้ดปลอดภัยมากขึ้นและการเซ็นโค้ด
- การเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมด
- การใช้ API ที่ได้รับการอนุมัติเท่านั้น
- การกําหนดการตรวจสอบความถูกต้องของโทเค็นด้วยเวลาหมดอายุของเซสชันที่แตกต่างกัน
- การต้องมีการรับรองความถูกต้องโดยใช้หลายปัจจัย
- การลงทุนในการสร้างแบบจำลองภัยคุกคามและการทดสอบการเจาะระบบเพื่อค้นหาช่องโหว่ของแอป
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีประสิทธิภาพจะไม่สิ้นสุดลงหลังจากที่สร้างแอปแล้ว แต่การรักษาความปลอดภัยจะยังคงเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง เนื่องจากภัยคุกคามใหม่เกิดขึ้นอยู่เสมอ การทดสอบการรักษาความปลอดภัยเป็นประจำจึงมีความจำเป็นเพื่อช่วยค้นหาช่องโหว่และวิเคราะห์ช่องว่างที่อาจเกิดขึ้นในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ การจัดการปัญหาเหล่านี้ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นจะช่วยรับรองว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อนยังคงปลอดภัย อีกทั้งยังเพิ่มความไว้วางใจในแบรนด์และความภักดีของลูกค้าอีกด้วย
4. การสนับสนุนผู้ใช้ที่ยอดเยี่ยม
หากคุณต้องการสร้างแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่พนักงานมีแนวโน้มว่าจะใช้งาน แอปของคุณต้องมีระดับการสนับสนุนผู้ใช้ที่เหมาะสม
วิธีหนึ่งในการให้บริการนี้คือผ่านเครื่องมือสื่อสารในแอป เช่น ฟีเจอร์การแชทโดยตรง ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถแสดงข้อคิดเห็น ถามคำถาม และแก้ไขปัญหาได้อย่างง่ายดาย การใช้ แชทบอทที่ขับเคลื่อนโดย AI อาจเป็นทางเลือกที่ดีหากคุณไม่มีสายงานบริการลูกค้าโดยเฉพาะ เนื่องจากแชทบอทเหล่านี้จะมอบประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลมากขึ้น ตัวเลือกในการช่วยเหลือด้วยตนเอง เช่น ส่วนคำถามที่ถามบ่อยมีประโยชน์และสามารถช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว
คุณสมบัติของแอปที่ดียังเกี่ยวข้องกับการนำทางและการช่วยสำหรับการเข้าถึงทั่วไปอีกด้วย การรวมฟีเจอร์ของแอปใน UI เช่น แถบค้นหา คำแนะนำเครื่องมือเมื่อมีการวางเมาส์ ทางลัด และแท็บการนำทางช่วยให้แอปใช้งานง่ายขึ้น และทำให้การผลักดันการเริ่มนำไปใช้ทั่วทั้งองค์กรเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น
5. การรวมระบบในตัว
เมื่อคุณสร้างแอป สิ่งสำคัญคือคุณต้องสามารถเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดและเชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่คุณใช้งานในธุรกิจของคุณได้ นั่นคือเหตุผลที่แอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ดีต้องมีการรวมระบบในตัว ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้แอปประสบความสำเร็จ
ฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อช่วยซิงค์ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าที่ดีขึ้น เนื่องจากการดำเนินการทุกสิ่งเป็นแบบรวมศูนย์ จึงช่วยลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดในการทำสำเนาข้อมูลด้วย ข้อมูลที่สอดคล้องกันจะช่วยให้ทีมงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขายและบริการไปจนถึงฝ่ายการตลาด ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำลายไซโลข้อมูลที่แยกออกจากกันลง ซึ่งช่วยเร่งกระบวนการตัดสินใจ เพิ่มความโปร่งใสทั่วทั้งองค์กร และช่วยให้ทีมงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ฟีเจอร์การเชื่อมต่ออื่นๆ เช่น การส่งข้อความในแอปหรือการรวมระบบการบริการลูกค้า สามารถเร่งโฟลว์ของข้อคิดเห็น ปรับปรุงการสื่อสารทั่วทั้งองค์กรของคุณ และช่วยให้ทีมแก้ไขปัญหาทางธุรกิจได้เร็วขึ้น
ติดตาม Power Platform