This is the Trace Id: 81019680b95bf37dd4b87da2feac06e4
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
Microsoft Fabric

การกำกับดูแลข้อมูลคืออะไร

ดูภาพรวมเกี่ยวกับความสำคัญของการกำกับดูแลข้อมูลและประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับ

การกำกับดูแลข้อมูลคืออะไร

การกำกับดูแลข้อมูลคือแนวทางปฏิบัติที่มีโครงสร้างในการจัดการข้อมูลขององค์กร เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลพร้อมใช้งาน ใช้งานได้ ถูกต้อง และปลอดภัย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกำหนดเฟรมเวิร์กในส่วนบทบาท ความรับผิดชอบ กระบวนการ นโยบาย และมาตรฐานที่จะเป็นแนวทางในการจัดการและปกป้องข้อมูลตลอดวงจรชีวิตข้อมูล ตั้งแต่เวลาที่สร้างข้อมูลไปจนถึงเวลาที่ใช้ จัดเก็บ หรือลบข้อมูล

ประเด็นสำคัญ

  • ดูภาพรวมเกี่ยวกับการกำกับดูแลข้อมูล รวมถึงเหตุผลที่กระบวนการนี้จำเป็นสำหรับการจัดการความถูกต้อง ความปลอดภัย และการปฏิบัติตามข้อบังคับของข้อมูล
  • เรียนรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบหลักของการกำกับดูแลข้อมูล ได้แก่ คุณภาพ นโยบาย การรักษาความปลอดภัย และการดูแลข้อมูล
  • l ค้นพบประโยชน์ของการกำกับดูแลข้อมูล ตั้งแต่การตัดสินใจที่ดีขึ้นไปจนถึงการปฏิบัติตามข้อบังคับที่ดีขึ้นและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
  • l สำรวจตัวอย่างในโลกความจริงว่าบริษัทชั้นนำใช้การกำกับดูแลข้อมูลในการปกป้องและเพิ่มประสิทธิภาพข้อมูลของตนอย่างไร
  • l ทำความเข้าใจแนวโน้มในอนาคตของการกำกับดูแลข้อมูล เมื่อ AI และเทคโนโลยีระบบคลาวด์พัฒนาไปสู่แนวทางปฏิบัติด้านข้อมูลที่ปลอดภัยและปรับตัวได้มากขึ้น

ภาพรวมการกำกับดูแลข้อมูล

ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในปัจจุบัน หลายองค์กรต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลในการใช้ข้อมูลของตนอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องด้วยปริมาณข้อมูลที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างจำนวนมากจากแหล่งต่างๆ เช่น ฐานข้อมูล แอปพลิเคชัน และอุปกรณ์ IoT กลยุทธ์การกำกับดูแลข้อมูลจึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะยังคงถูกต้อง เชื่อถือได้ และได้รับการปกป้อง

กลยุทธ์การกำกับดูแลข้อมูล

หากต้องการสร้างเฟรมเวิร์กการกำกับดูแลข้อมูลที่มีเสถียรภาพ ส่วนประกอบหลักหลายๆ ส่วนต้องทำงานร่วมกัน โดยแต่ละส่วนประกอบเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการรับรองความถูกต้องและประสิทธิภาพโดยรวมของกลยุทธ์การกำกับดูแล
 
  1. การจัดการคุณภาพข้อมูลช่วยรับรองว่าข้อมูลนั้นถูกต้อง สอดคล้องกัน และเชื่อถือได้ ผ่านกฎการตรวจสอบ การลบข้อมูลซ้ำ และการตรวจสอบในเวลาจริง ข้อมูลคุณภาพสูงคือ สิ่งสำคัญสำหรับการสร้างข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าและสนับสนุนการตัดสินใจ หากไม่มีข้อมูลเหล่านี้แล้ว การวิเคราะห์อาจทำให้เข้าใจผิดได้ และกลยุทธ์อาจล้มเหลว ส่งผลให้เกิดความไม่มีประสิทธิภาพทั่วทั้งองค์กร
  2. การจัดการข้อมูลจะดูแลการจัดเก็บ การประมวลผล และการบำรุงรักษาข้อมูลภายในระบบและแพลตฟอร์มขององค์กร ช่วยให้ข้อมูลเข้าถึงได้ ปลอดภัย และเรียกใช้งานได้ง่าย แนวปฏิบัติที่สำคัญ ได้แก่ การกำหนดหมวดหมู่ข้อมูล การจัดตั้งคลังข้อมูล และการปรับใช้กลยุทธ์การจัดการวงจรชีวิต ช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะพร้อมใช้งานตลอดเวลาและเป็นระเบียบ ตั้งแต่การสร้างไปจนถึงการจัดเก็บหรือการลบ
  3. นโยบายและมาตรฐานข้อมูลจะกำหนดแนวทางในการรวบรวม จัดเก็บ ประมวลผล และแบ่งปันข้อมูลทั่วทั้งองค์กร เพื่อรับรองว่าแนวทางปฏิบัติสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจและเป็นไปตามกฎข้อบังคับ นโยบายที่ชัดเจนจะครอบคลุมถึงการเก็บรักษาข้อมูล การแชร์ข้อมูล และบทบาทต่างๆ ขณะที่มาตรฐานจะกำหนดเฟรมเวิร์กทางเทคนิคที่จำเป็นสำหรับการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ
  4. ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลจะปกป้องข้อมูลละเอียดอ่อนจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต และรับรองการปฏิบัติตามกฎหมายความเป็นส่วนตัว เช่น ข้อบังคับทั่วไปเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูล (GDPR) และกฎหมายความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคในแคลิฟอร์เนีย (CCPA) การเข้ารหัส การควบคุมการเข้าถึง การรับรองความถูกต้องโดยใช้หลายปัจจัย และการประเมินผลกระทบด้านความเป็นส่วนตัว ล้วนเป็นกลยุทธ์สำคัญในการปกป้องข้อมูลและรักษาความไว้วางใจของลูกค้าเกี่ยวกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนในปัจจุบัน
  5. การดูแลข้อมูลและความรับผิดชอบต่อข้อมูลจะมอบหมายความรับผิดชอบในการจัดการสินทรัพย์ข้อมูลให้กับบุคคลหรือทีมเฉพาะ เพื่อให้พวกเขาปฏิบัติตามเฟรมเวิร์กการกำกับดูแลขององค์กร ความรับผิดชอบนี้ช่วยรักษาความถูกต้องของแนวทางการกำกับดูแลข้อมูลและรักษาความสอดคล้องกันเอาไว้ ช่วยให้ข้อมูลสอดคล้องกับนโยบายและเป้าหมายขององค์กรในทุกแผนก

เฟรมเวิร์กและเครื่องมือการกำกับดูแลข้อมูล

การจัดตั้งนโยบายการกำกับดูแลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยเฟรมเวิร์กที่มีโครงสร้างและเครื่องมือเฉพาะทาง เพื่อรับรองว่าข้อมูลจะได้รับการจัดการอย่างดี เข้าถึงได้ และปลอดภัย แนวทางการกำกับดูแลข้อมูลที่ประสบความสำเร็จจะรวมเฟรมเวิร์กประสิทธิภาพสูงเข้ากับเครื่องมือประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยยกระดับแนวทางการกำกับดูแลผ่านระบบอัตโนมัติและความสามารถขั้นสูงต่างๆ

เฟรมเวิร์ก

เฟรมเวิร์กการกำกับดูแลข้อมูลที่เป็นที่นิยม เช่น DAMA DMBOK (Data Management Body of Knowledge) มอบวิธีการที่มีโครงสร้างสำหรับการดำเนินการกำกับดูแลข้อมูล เฟรมเวิร์กเหล่านี้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญต่างๆ เช่น สถาปัตยกรรมข้อมูล การจัดการเมตาดาต้า และการจัดการความเสี่ยง ซึ่งเสนอแผนผังที่ครอบคลุมสำหรับองค์กรในการสร้างกลยุทธ์การกำกับดูแลของตน

เครื่องมือการกำกับดูแลข้อมูลและความสามารถของ AI

เครื่องมือข้อมูลสมัยใหม่ เช่น Microsoft Fabric มาพร้อมกับความสามารถในการกำกับดูแลและความปลอดภัยแบบรวมในตัว เพื่อช่วยให้คุณจัดการข้อมูลในเครื่องมือได้ ความสามารถเหล่านี้ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือการกำกับดูแลเฉพาะทาง เช่น Microsoft Purview ที่สามารถจัดการข้อมูลของคุณทั่วทั้งระบบข้อมูลของคุณได้ การผสานรวมกันนี้สามารถรับรองในคุณภาพ ความปลอดภัย และการเข้าถึงข้อมูลได้ โดยการรวมแค็ตตาล็อกส่วนกลาง โซลูชันการปฏิบัติตามข้อบังคับ และการควบคุมการเข้าถึงที่ช่วยให้กระบวนการกำกับดูแลราบรื่นยิ่งขึ้น:
  • แค็ตตาล็อกข้อมูล: แค็ตตาล็อกแบบรวม เช่น แค็ตตาล็อก OneLake และแค็ตตาล็อกแบบรวมของ Microsoft Purview ช่วยให้ค้นพบข้อมูล จัดการข้อมูล และตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อบังคับได้ง่าย โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำในตัวที่ช่วยรักษามาตรฐานข้อมูลเอาไว้
  • โซลูชันการปฏิบัติตามข้อบังคับ: แพลตฟอร์มอย่าง Fabric มีคุณสมบัติการปฏิบัติตามข้อบังคับในตัวสำหรับจัดการกับความต้องการในแต่ละวัน เช่น การตรวจสอบอัตโนมัติ การควบคุมการเข้าถึงตามบทบาท และการปฏิบัติตามมาตรฐานทั่วไป เครื่องมือที่พร้อมใช้งานเหล่านี้ให้ความสะดวกสบายและช่วยให้องค์กรเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว สำหรับความต้องการที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น  Microsoft Purview  มีฟังก์ชันอื่นๆ เช่น การค้นพบข้อมูลโดยละเอียด การจัดประเภท และการติดตามสายข้อมูล ซึ่งเหมาะสำหรับองค์กรที่ดูแลจัดการสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดหรือต้องปฏิบัติตามข้อบังคับด้านกฎระเบียบที่เข้มงวด
  • การควบคุมการเข้าถึง: ความสามารถในการควบคุมการเข้าถึงที่รวมอยู่ใน Fabric ให้ความปลอดภัยในระดับพื้นฐาน รวมถึงสิทธิ์อนุญาตตามบทบาทและการควบคุมการเข้าถึงที่ปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลสำคัญได้รับการปกป้อง สำหรับสถานการณ์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น  Microsoft Entra  จะขยายความสามารถเหล่านี้ด้วยการจัดการข้อมูลประจำตัวโดยละเอียดแบบรวม Entra ช่วยให้สามารถควบคุมการเข้าถึงได้อย่างถูกต้องแม่นยำในสภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์และแบบไฮบริด โดยรับรองว่าผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลสำคัญได้
แพลตฟอร์มอย่าง Fabric มีคุณสมบัติขั้นต้นที่มีเสถียรภาพและการผสานรวมเข้ากับเครื่องมือขั้นสูง เช่น Purview และ Entra จึงมีความยืดหยุ่นสำหรับทั้งงานกำกับดูแลประจำวันและความท้าทายด้านการกำกับดูแลข้อมูลที่รับมือได้ยาก

การรวมเฟรมเวิร์กที่มีโครงสร้างเข้ากับเครื่องมือเฉพาะทางและ AI ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างกลยุทธ์การกำกับดูแลข้อมูลที่มีเสถียรภาพ ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติตามข้อบังคับ เพิ่มความสามารถในการเข้าถึงข้อมูล และเตรียมพร้อมสำหรับการวิเคราะห์ขั้นสูง

ประโยชน์ของการกำกับดูแลข้อมูล

ปรับปรุงคุณภาพและความถูกต้องของข้อมูล

การกำกับดูแลข้อมูลช่วยสร้างแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกัน ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะมีความถูกต้องแม่นยำและมีคุณภาพ สนับสนุนการวิเคราะห์ การรายงาน และการตัดสินใจที่เชื่อถือได้ ข้อมูลที่สะอาดและถูกต้องแม่นยำช่วยให้องค์กรปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและไขว่คว้าโอกาสต่างๆ ไว้ได้

ยกระดับการปฏิบัติตามข้อบังคับและการควบคุมความเสี่ยง

การปฏิบัติตามข้อบังคับ เช่น GDPR, HIPAA และ CCPA ถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การกำกับดูแลข้อมูลช่วยให้แนวทางปฏิบัติต่างๆ เป็นไปตามกฎระเบียบเหล่านี้ และลดความเสี่ยงของการไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับและถูกลงโทษ

มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

ข้อมูลคุณภาพสูงช่วยให้ธุรกิจสามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกและตัดสินใจโดยมีข้อมูลได้ การกำกับดูแลข้อมูลช่วยรับรองว่าข้อมูลจะมีความสอดคล้องกันและเชื่อถือได้สำหรับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และการปรับปรุงการดำเนินงาน

เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

การกำกับดูแลข้อมูลจะช่วยลดความซ้ำซ้อนและงานที่ต้องดำเนินการด้วยตนเอง ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรได้ การปรับให้การป้อนข้อมูล การล้างข้อมูล และการตรวจสอบข้อมูลเป็นไปโดยอัตโนมัติจะช่วยให้พนักงานมีเวลาสำหรับการทำงานที่ต้องใช้กลยุทธ์มากขึ้น

ปกป้องข้อมูลและป้องกันการรั่วไหล

การกำกับดูแลข้อมูลมีมาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการควบคุมการเข้าถึง เพื่อปกป้องข้อมูลละเอียดอ่อนและป้องกันการรั่วไหล การควบคุมเหล่านี้จะจำกัดการเข้าถึง ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้

การกำกับดูแลข้อมูลในโลกความจริง

  • การดูแลสุขภาพ: โรงพยาบาลใช้เฟรมเวิร์กการกำกับดูแลข้อมูลในการจัดการข้อมูลละเอียดอ่อนของผู้ป่วย โดยรับรองว่าเป็นไปตามกฎระเบียบของข้อมูลสุขภาพ เช่น HIPAA หากไม่มีมาตรการแบ่งปันข้อมูลที่มีมาตรฐาน โรงพยาบาลจะพบเจอกับความยากลำบากในการร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพอื่นๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ในการดูแลผู้ป่วย
  • บริการทางการเงิน: ธนาคารปรับใช้นโยบายการกำกับดูแลเพื่อจัดการบันทึกการเงินและข้อมูลธุรกรรมของลูกค้า ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงได้ การกำกับดูแลข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น PCI DSS เพื่อให้ธนาคารสามารถทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัยและรักษาความไว้วางใจของลูกค้าเอาไว้
  • การค้าปลีก: ผู้ค้าปลีกใช้การกำกับดูแลข้อมูลในการจัดการชุดข้อมูลขนาดใหญ่จากธุรกรรมการขาย พฤติกรรมของลูกค้า และระบบการจัดการห่วงโซ่อุปทาน หากไม่มีการกำกับดูแลข้อมูล จะทำให้ยากต่อการวิเคราะห์แนวโน้มของผู้บริโภคอย่างถูกต้องและการเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การตลาด ในขณะที่ยังคงปฏิบัติตามกฎหมายความเป็นส่วนตัว
  • การผลิต: ในภาคการผลิต เฟรมเวิร์กการกำกับดูแลข้อมูลจะช่วยจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT บนสายการผลิตต่างๆ หากไม่มีการกำกับดูแลข้อมูล จะทำให้ยากที่จะได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพการดำเนินงาน การบำรุงรักษาอุปกรณ์ และประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจและต้นทุน

แนวโน้มในอนาคตของการกำกับดูแลข้อมูล

หลายองค์กรต่างเลือกใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI และการเรียนรู้ของเครื่องมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้ความจำเป็นในการกำกับดูแลข้อมูลมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น โมเดล AI และระบบการเรียนรู้ของเครื่องต้องอาศัยข้อมูลคุณภาพสูงเพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง หากข้อมูลไม่สอดคล้องกันหรือไม่ถูกต้อง ผลลัพธ์จากเทคโนโลยีเหล่านี้อาจมีข้อบกพร่องหรือลำเอียงได้

การกำกับดูแลข้อมูลสนับสนุน AI และการเรียนรู้ของเครื่องอย่างไร:

  • ความสอดคล้องของข้อมูล: เฟรมเวิร์กการกำกับดูแลช่วยให้แน่ใจได้ว่าโมเดล AI จะใช้ข้อมูลที่สอดคล้องกันและถูกต้องแม่นยำ ซึ่งส่งผลให้การคาดการณ์มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
  • ความโปร่งใสของข้อมูล: การติดตามสายข้อมูล (ข้อมูลมาจากไหนและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร) ช่วยให้องค์กรเข้าใจและสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาที่ระบบ AI ใช้ได้ ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ของ AI มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
  • ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย: การกำกับดูแลข้อมูลช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้ข้อมูลของลูกค้าและข้อมูลธุรกิจสำหรับโครงการ AI ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เสี่ยงต่อการละเมิดความเป็นส่วนตัวหรือการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ เช่น GDPR

แนวโน้มในอนาคตของการกำกับดูแลข้อมูล

เพราะการกำกับดูแลข้อมูลมีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ จึงมีแนวโน้มใหม่หลายอย่างที่คอยกำหนดอนาคตของกระบวนการนี้:
  1. AI และระบบอัตโนมัติในการกำกับดูแลข้อมูล: เนื่องจากองค์กรสร้างข้อมูลจำนวนมหาศาล เครื่องมือที่ขับเคลื่อนโดย AI จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปรับให้กระบวนการจัดการข้อมูลเป็นไปโดยอัตโนมัติ เครื่องมือเหล่านี้สามารถจัดประเภทข้อมูล ตรวจจับความผิดปกติ และบังคับใช้กฎโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการแทรกแซงโดยบุคลากรและเพิ่มประสิทธิภาพ
  2. การผสานรวมกับระบบคลาวด์และสภาพแวดล้อมแบบไฮบริด: หลายธุรกิจต่างกำลังย้ายโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลของตนไปยังแพลตฟอร์มระบบคลาวด์กันมากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องใช้โซลูชันการกำกับดูแลบนระบบคลาวด์ โซลูชันเหล่านี้ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการข้อมูลในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดได้ โดยรับรองว่าเป็นไปตามแนวทางการกำกับดูแลที่สอดคล้องกัน ไม่ว่าจะเก็บข้อมูลในสถานที่ บนระบบคลาวด์ หรือบนแพลตฟอร์มมัลติคลาวด์
  3. การมุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวและการปฏิบัติตามข้อบังคับ: กฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวมีความเข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ และหลายๆ องค์กรจะต้องปรับเฟรมเวิร์กการกำกับดูแลของตนให้เป็นไปตามกฎระเบียบ กฎหมายอย่าง GDPR และ CCPA ที่บังคับใช้แนวทางที่เข้มงวดเกี่ยวกับการจัดการข้อมูล ทำให้บริษัทต่างๆ ต้องลงทุนในโซลูชันการกำกับดูแลที่ให้ความสำคัญกับหลักการที่เน้นความเป็นส่วนตัวตั้งแต่ต้น เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลได้รับการจัดการและการประมวลผลโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวตั้งแต่แรกเริ่ม
  4. การทำให้ข้อมูลเข้าถึงได้มากขึ้นและการวิเคราะห์ด้วยตนเอง: การกำกับดูแลข้อมูลมีบทบาทในการส่งเสริมการทำให้ข้อมูลเข้าถึงได้มากขึ้น ซึ่งผู้ใช้ในองค์กรสามารถเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลได้ แนวโน้มนี้จะได้รับการสนับสนุนจากเครื่องมือการวิเคราะห์ด้วยตนเองที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างรายงานและแสดงภาพจากข้อมูล พร้อมทั้งรับรองว่ามีนโยบายการกำกับดูแลเพื่อปกป้องข้อมูลละเอียดอ่อน

สรุป

ความสำคัญของการกำกับดูแลข้อมูล

การกำกับดูแลข้อมูลคือสิ่งจำเป็นสำหรับทุกองค์กรที่ต้องการใช้พลังของข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งรักษาความสอดคล้องและความปลอดภัยเอาไว้ด้วย การสร้างเฟรมเวิร์กการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพช่วยให้องค์กรสามารถเปลี่ยนข้อมูลของตนให้กลายเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่สนับสนุนการตัดสินใจโดยมีข้อมูล ขับเคลื่อนนวัตกรรม และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานได้

อนาคตของการกำกับดูแลข้อมูลจะเกี่ยวข้องกับระบบอัตโนมัติ, การผสานรวมกับ AI และการปรับให้เข้ากับกลยุทธ์ระบบคลาวด์มากขึ้นเรื่อยๆ จึงกลายเป็นส่วนสำคัญที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับการจัดการข้อมูลสมัยใหม่ หากต้องการแข่งขันในตลาดและตรงตามมาตรฐานต่อไป องค์กรต้องพัฒนากลยุทธ์การกำกับดูแลข้อมูลของตนให้ทันกับเทคโนโลยีและกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไป

เริ่มต้นใช้งาน Fabric รุ่นทดลองใช้ฟรี

ส่งเสริมองค์กรของคุณด้วย Microsoft Fabric ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการและการวิเคราะห์ข้อมูลแบบรวมศูนย์เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมในยุค AI

เริ่มต้นใช้งานได้ง่ายและตรงไปตรงมา คุณไม่จำเป็นต้องมีบัญชี Azure แต่สามารถลงทะเบียนบัญชีได้โดยตรงบนแพลตฟอร์ม Fabric

เรียนรู้เพิ่มเติม
แหล่งข้อมูล

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

สำรวจเครื่องมือ แหล่งข้อมูล และแนวทางปฏิบัติที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรของคุณเติบโต
ผู้หญิงผมบลอนด์และใส่เสื้อสีน้ำเงินกำลังปรบมืออยู่
คู่ค้า

คู่ค้า Microsoft Fabric

นำข้อมูลของคุณเข้าสู่ยุคของ AI ด้วยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญจากคู่ค้า Fabric ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
ผู้ชายกับผู้หญิงกำลังดูแล็ปท็อป

Microsoft Fabric คืออะไร

ค้นพบความสามารถที่ Fabric มีให้ รวมถึงทำความเข้าใจวิธีการทำงานและวิธีการใช้งาน
ผู้หญิงสวมแว่นตาและหูฟังสีขาวยิ้มให้กับแล็ปท็อป
แหล่งข้อมูล

Microsoft Purview คืออะไร

คำถามที่ถามบ่อย

  • เสาหลักทั้งสี่ประกอบด้วยคุณภาพข้อมูล การจัดการข้อมูล ความปลอดภัยของข้อมูล และการปฏิบัติตามข้อบังคับของข้อมูล แต่ละเสาหลักช่วยรับรองว่าข้อมูลจะได้รับการจัดการอย่างครบวงจร โดยปรับแนวทางให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ
  • หัวใจสำคัญของการกำกับดูแลข้อมูลคือการสร้างเฟรมเวิร์กที่คอยจัดการและปกป้องสินทรัพย์ข้อมูล พร้อมทั้งรับรองว่าข้อมูลเหล่านั้นจะสอดคล้องกับกฎระเบียบและสามารถเข้าถึงได้เพื่อนำไปใช้งานทางธุรกิจ
  • โดยทั่วไปแล้ว หน้าที่รับผิดชอบจะเป็นของทีมหรือสำนักงานกำกับดูแลข้อมูลที่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งอาจรวมถึงบทบาทต่างๆ เช่น ผู้ดูแลข้อมูล เจ้าหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติตามข้อบังคับ และบุคลากรฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งจะทำงานร่วมกันข้ามแผนกเพื่อรักษาให้แนวทางปฏิบัติและนโยบายสอดคล้องกัน

    การกำหนดเฟรมเวิร์กการกำกับดูแลข้อมูลที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพช่วยให้องค์กรสามารถวางรากฐานสำหรับความสำเร็จที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้ โดยมั่นใจว่าข้อมูลของตนคือทรัพยากรที่เชื่อถือได้และปลอดภัยเพื่อการเติบโตและนวัตกรรมในอนาคต

ติดตาม Microsoft Fabric