This is the Trace Id: c9d8d66295d96fafd10c90af2bb858c7
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
Dynamics 365

7 แนวโน้มเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านซัพพลายเชน

เรียนรู้วิธีที่เทคโนโลยีใหม่ด้านซัพพลายเชนนำไปสู่ความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพที่มากขึ้น

นวัตกรรมและแนวโน้มด้านซัพพลายเชน

 

ธุรกิจต่างๆ หันมาพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพซัพพลายเชนของตนในยุคที่ความคาดหวังของลูกค้าในเรื่องความเร็วและความสะดวกสบายเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน และระบบซัพพลายเชนทั่วโลกก็ไม่ได้ทำงานอย่างราบรื่นเสมอไป โชคดีที่เทคโนโลยีซัพพลายเชนมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายเหล่านี้ โดยมีโซลูชันใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ

 

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมใด การอัปเดตระบบเดิมและการนำโลจิสติกส์และเทคโนโลยีซัพพลายเชนขั้นสูงมาใช้ ก็สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความยืดหยุ่นและแข่งขันได้มากขึ้น

เสริมความแข็งแกร่งให้กับซัพพลายเชนของคุณด้วยเทคโนโลยีที่พร้อมสำหรับอนาคต

เตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายด้านซัพพลายเชนในปัจจุบันและในอนาคตด้วย Microsoft Dynamics 365 Supply Chain Management ใช้ AI เพื่อสร้างระบบอัจฉริยะ ความสามารถในการปรับตัว และการมองเห็นแบบเรียลไทม์ในทุกแง่มุมของการดำเนินงานของคุณด้วยความสามารถที่ทันสมัย

เทคโนโลยีซัพพลายเชนคืออะไร

 

เทคโนโลยีซัพพลายเชนคือฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ที่ทำให้กระบวนการซัพพลายเชนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เทคโนโลยีดิจิทัลที่จัดอยู่ภายใต้คำจำกัดความนี้มีหลากหลายประเภท ตั้งแต่เครื่องมือที่จับต้องได้อย่างหุ่นยนต์และอุปกรณ์ที่ใช้เซ็นเซอร์ ไปจนถึงซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อปรับกระแสข้อมูลให้เหมาะสม คาดการณ์แนวโน้ม เชื่อมต่อระบบ ปรับปรุงโลจิสติกส์ หรือจัดการสินค้าคงคลัง การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาในแต่ละ "ห่วง" ของซัพพลายเชนสามารถเร่งการผลิตและการส่งมอบไปพร้อมๆ กับลดการหยุดชะงักที่มีค่าใช้จ่ายสูงได้

 

เทคโนโลยีซัพพลายเชนเริ่มเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจมานานแล้วตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการหยุดชะงักในปี 2020 แต่ความท้าทายอันไม่พึงประสงค์ของช่วงเวลานั้นได้ทำให้ประโยชน์ของนวัตกรรมซัพพลายเชนชัดเจนยิ่งขึ้น ความท้าทายส่วนหนึ่งที่บริษัทต้องเผชิญอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ระดับโลกที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เช่น ข้อจำกัดทางภูมิรัฐศาสตร์และเหตุฉุกเฉินด้านสภาพอากาศ และโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่ทำให้การแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด การจัดการซัพพลายเชนเต็มไปด้วยความซับซ้อนมาโดยตลอด แต่ธุรกิจก็ไม่เคยต้องปรับตัวให้รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเพื่อแก้ไขปัญหา

 

เพื่อให้ยังคงแข่งขันได้ในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดความเสี่ยงคือสิ่งสำคัญ เทคโนโลยีซัพพลายเชนใหม่ๆ มอบความสามารถในการสร้างกระบวนการที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปพร้อมๆ กับสร้างซัพพลายเชนที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และคว้าโอกาสในการปรับขนาดหรือเปลี่ยนทิศทางเมื่อโอกาสนั้นมาถึง

7 แนวโน้มเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านซัพพลายเชน

 

แนวโน้มสำคัญด้านเทคโนโลยีซัพพลายเชนในปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาของธุรกิจในการปรับปรุงทุกแง่มุมของการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและพร้อมสำหรับอนาคต แนวโน้มเจ็ดประการต่อไปนี้สามารถปรับปรุงการตัดสินใจและกระบวนการของคุณตั้งแต่ระบบหลังบ้านไปจนถึงพื้นที่ปฏิบัติงานและอื่นๆ

1. การใช้หุ่นยนต์เพื่อทำงานให้เร็วขึ้น

 

หุ่นยนต์ถูกนำมาใช้ในการผลิตเชิงอุตสาหกรรมเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว แต่ในปัจจุบันยังมีการนำมาใช้ในคลังสินค้า ศูนย์การเติมสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย ความต้องการทางธุรกิจที่เกิดจากต้นทุนแรงงานและการขาดแคลนแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งความคาดหวังของผู้บริโภคที่ต้องการให้มีสินค้าในสต็อกอยู่เสมอและการส่งมอบที่รวดเร็ว สามารถตอบโจทย์ได้ด้วยความก้าวหน้าในวิทยาการหุ่นยนต์ หุ่นยนต์สามารถเร่งความเร็วในการดำเนินการตามคำสั่งซื้อได้เป็นอย่างมาก ซึ่งช่วยให้พนักงานที่เป็นมนุษย์มีเวลาให้กับงานเชิงกลยุทธ์และไม่ต้องทำซ้ำๆ

 

นวัตกรรมซัพพลายเชนอย่างหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมคือหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน หรือ "โคบอท" ด้วยความช่วยเหลือของ AI และการเรียนรู้ของเครื่อง ทำให้โคบอทมีความสามารถมากพอที่จะหยิบและบรรจุสินค้าตามคำสั่งซื้อได้อย่างปลอดภัยเคียงข้างพนักงานที่เป็นมนุษย์ โดยช่วยกำกับการทำงานต่างๆ ยกของหนัก และหยิบสินค้าจากคลังสินค้ากว้างใหญ่ที่มีช่องทางเดินมากมาย เป็นที่ทราบกันว่าโคบอทไม่เพียงเพิ่มผลิตภาพ แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ และทำให้สถานที่ทำงานปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วย

2. การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลโดยใช้ AI และการวิเคราะห์ขั้นสูง

 

วิทยาการข้อมูลกำลังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีซัพพลายเชน ในทุกจุดตลอดกระบวนการซัพพลายเชนที่ซับซ้อนนั้นมีจุดข้อมูลจำนวนมากที่พร้อมสำหรับการเก็บรวบรวม หากคุณมี AI และการวิเคราะห์ขั้นสูง คุณจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจข้อมูลนั้นและใช้มันให้เกิดประโยชน์

 

AI และการวิเคราะห์ขั้นสูงทำงานอยู่ในเบื้องหลังเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่โดยใช้อัลกอริทึมและวิธีการเชิงคาดการณ์ เพื่อให้ผู้ใช้ซัพพลายเชนทำการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและก้าวข้ามการหยุดชะงัก ตัวอย่างเช่น ข้อมูลเชิงลึกด้านซัพพลายเชนลักษณะนี้สามารถช่วยให้ธุรกิจปรับขนาดสินค้าคงคลังของตนล่วงหน้าตามช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง หรือแก้ไขแผนการจัดส่งหลังจากเกิดภัยธรรมชาติได้ แอปพลิเคชันจำนวนมากมีเครื่องมือการแสดงภาพจากข้อมูลซึ่งจะแปลงข้อมูลที่ได้รับจาก AI ให้เป็นกราฟิกและแผนภูมิที่อ่านง่าย ทำให้พนักงานต้องใช้เวลาน้อยลงในการตีความ

3. การขับเคลื่อนประสิทธิภาพด้วยระบบอัตโนมัติ

 

ระบบอัตโนมัติด้านซัพพลายเชนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็ว โดยช่วยให้มนุษย์ไม่ต้องทำงานที่ใช้เวลานานและเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย ซึ่งระบบอัตโนมัติสามารถทำงานเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ

 

งานด้านซัพพลายเชนหลายอย่างสามารถทำให้เป็นอัตโนมัติเพื่อประหยัดเวลาและพลังงานของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น กระบวนการซัพพลายเชนอัตโนมัติสามารถนำข้อมูลจากใบสั่งซื้อมาใช้ในการสร้างใบแจ้งหนี้ ส่งการยืนยันคำสั่งซื้อและข้อมูลการติดตามให้กับลูกค้า คำนวณเส้นทางและผู้ให้บริการที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับการจัดส่ง หรือแจ้งพนักงานให้เติมสินค้าคงคลังที่เหลือน้อย นี่คือพื้นที่ของการพัฒนาโลจิสติกส์และเทคโนโลยีซัพพลายเชนที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้

4. การสร้างระบบ IT ที่เรียบง่ายและจัดองค์ประกอบได้

 

ความสามารถในการจัดองค์ประกอบคือแนวโน้มด้านเทคโนโลยีซัพพลายเชนที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ซอฟต์แวร์ "บล็อกตัวต่อ" แบบแยกส่วนเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างระบบต่างๆ เพื่อเพิ่มการมองเห็นซัพพลายเชนและการดำเนินงาน โซลูชันที่จัดองค์ประกอบได้อาจมีประโยชน์เป็นพิเศษสำหรับองค์กรที่มีภูมิทัศน์ด้าน IT ที่กว้างขวาง

 

ความสามารถในการจัดองค์ประกอบจะผสานรวมระบบที่ไม่เชื่อมต่อกัน เพื่อให้สามารถทำการตัดสินใจโดยมีข้อมูลสนับสนุนได้อย่างทันท่วงที ความสามารถนี้ไม่ได้กำหนดให้คุณต้องเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่แล้วในชีวิตประจำวัน จึงทำให้เป็นวิธีที่คุ้มค่าในการมองภาพรวมของการดำเนินงานด้านซัพพลายเชนของคุณ แม้กระทั่งในระดับโลก

5. เก็บข้อมูลในทุกจุดโดยใช้อุปกรณ์อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT)

 

Wi-Fi และ Bluetooth ทำให้สามารถใช้อุปกรณ์ IoT เป็นเครื่องมือเทคโนโลยีซัพพลายเชนที่สำคัญได้ อุปกรณ์ IoT คือวัตถุที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ เช่น สถานีในคลังสินค้า ตู้คอนเทนเนอร์ขนส่ง และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ส่งข้อมูลไปยังผู้ที่ต้องทำการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

 

อุปกรณ์ IoT สามารถติดตามข้อมูล เช่น ตำแหน่งและสภาพของสินค้า สภาพอากาศ และการจราจรแบบเรียลไทม์ เพื่อตรวจสอบสินทรัพย์และทรัพยากรของคุณและบรรเทาปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ

6. การสำรวจ "สถานการณ์ต่างๆ ที่เป็นไปได้" ด้วยแบบจำลองเสมือนด้านซัพพลายเชนและหอควบคุม

 

ธุรกิจจำนวนมากขึ้นหันมาเพิ่มแบบจำลองเสมือนลงในทรัพยากรเทคโนโลยีซัพพลายเชนของตน แบบจำลองเสมือนด้านซัพพลายเชนคือสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่ดึงข้อมูลจากซัพพลายเชนจริงของคุณเพื่อให้สามารถทำการจำลองเพื่อปรับปรุงการตัดสินใจของคุณได้ แบบจำลองเสมือนสามารถช่วยให้คุณพบวิธีต่างๆ ในการเพิ่มผลิตภาพไปพร้อมๆ กับค้นหาโซลูชันที่รวดเร็วและประหยัดเพื่อรับมือกับความท้าทาย

 

นอกจากนี้ หอควบคุมยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถช่วยคุณใน "สถานการณ์ต่างๆ ที่เป็นไปได้" อีกด้วย หอควบคุมคือแดชบอร์ดที่รวบรวมข้อมูลสำคัญ เมตริก และเหตุการณ์ เพื่อให้คุณมองเห็นภาพรวมตั้งแต่ต้นจนจบได้แบบเรียลไทม์ โดยเป็นนวัตกรรมซัพพลายเชนที่สำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพและปกป้องการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ การประสานงานซัพพลายเชน สินค้าคงคลัง และการจัดเก็บและกระจายสินค้า

7. การใช้บล็อกเชนในการบันทึกการแลกเปลี่ยนสินค้า

 

บล็อกเชนอาจดูเหมือนแนวโน้มด้านเทคโนโลยีซัพพลายเชนที่คาดไม่ถึง คุณอาจคุ้นเคยกับการได้ยินเกี่ยวกับบล็อกเชนในบริบทของสกุลเงินดิจิทัล อย่างไรก็ตาม บล็อกเชนเป็นเครื่องมือที่มีค่าเพราะช่วยสร้างบันทึกธุรกรรมที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ บล็อกเชนสามารถทำให้การแลกเปลี่ยนสินค้าเป็นกระบวนการที่น่าเชื่อถือมากขึ้น

 

การมอบความโปร่งใสเกี่ยวกับแหล่งที่มาและการเดินทางของสินค้าและวัสดุกำลังมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัทต่างๆ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และบริษัทก็ต้องการสร้างเครือข่ายซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังสนใจเกี่ยวกับแหล่งที่มาและความยั่งยืนของสินค้าที่ตนซื้อมากขึ้น ทำให้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นการลงทุนที่คำนึงถึงอนาคต

วิธีที่แนวโน้มด้านซัพพลายเชนเหล่านี้มีผลต่อธุรกิจของคุณ

 

เทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพซัพพลายเชนกำลังปรับปรุงการดำเนินงานและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นอย่างมาก ความสามารถในการมองเห็นและความคล่องตัวที่การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลของกระบวนการซัพพลายเชนมอบให้นั้นเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ลูกค้าของคุณไม่ได้คำนึงถึงการหยุดชะงักของซัพพลายเชน ปัญหาด้านโลจิสติกส์ และความล่าช้าในการผลิตมากนัก ลูกค้าเพียงต้องการทราบว่าคุณสามารถส่งมอบสินค้าคุณภาพสูงให้กับตนได้เร็วเท่ากับคู่แข่งของคุณหรือเปล่า

 

ต่อไปนี้เป็นเพียงไม่กี่วิธีในการใช้เทคโนโลยีซัพพลายเชนเพื่อบรรเทาการหยุดชะงัก เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และเพิ่มผลกำไร

 

คาดการณ์ความต้องการได้แม่นยำยิ่งขึ้น

 

การคาดการณ์ความต้องการด้วยวิธีดั้งเดิมเกี่ยวข้องกับการดูข้อมูลการขายในอดีต ทำการคาดเดาอย่างมีหลักการ และหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ใช้เทคโนโลยีที่ใช้ AI เพื่อลดการคาดเดาและความเสี่ยงในเวลาเดียวกัน การมีความสามารถในการมองเห็นกิจกรรมต้นน้ำและปลายน้ำแบบเรียลไทม์และเชื่อมโยงเข้ากับปัจจัยภายนอก เช่น สภาพอากาศ เหตุการณ์ปัจจุบัน และรีวิวจากลูกค้า จะช่วยให้คุณทำการตัดสินใจเพื่อตอบสนองความต้องการได้ดียิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงการสูญเสียกำไรโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคาดการณ์เพื่อลดเหตุการณ์สินค้าหมดสต็อก เติมสินค้าให้ทันเวลา และปรับปรุงระดับสินค้าคงคลังในคลังสินค้าให้เหมาะสม

 

เปิดใช้งานโลจิสติกส์และการส่งมอบตามความต้องการ

 

ไม่ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณจะคืออะไร ความเร็วคือกุญแจสำคัญต่อประสบการณ์ของลูกค้า เทคโนโลยีซัพพลายเชนใหม่ๆ สามารถดำเนินการตามคำมั่นสัญญาที่ให้กับลูกค้าได้ นำหุ่นยนต์และเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติมาใช้ในธุรกิจของคุณเพื่อให้การดำเนินการตามคำสั่งซื้อและการส่งมอบสินค้ามีความรวดเร็วและประหยัดมากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวัง

 

ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อให้มีประสิทธิภาพ

 

การค้นหาวิธีประหยัดเงินในทุกขั้นของซัพพลายเชนเคยเป็นงานที่เปลืองแรง แต่บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีซัพพลายเชนขั้นสูงมีข้อได้เปรียบจาก AI ที่ทำงานอยู่ในเบื้องหลังเพื่อคำนวณตัวเลข ใช้ซอฟต์แวร์ที่ใช้ AI ซึ่งเชื่อมโยงกับพอร์ทัลการทำงานร่วมกันของผู้ขายและแค็ตตาล็อกเพื่อประหยัดเงินและทำการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดซื้อได้อย่างรวดเร็ว

 

ตรวจสอบการดําเนินงานแบบเรียลไทม์

 

อุปกรณ์ IoT ที่ใช้เซ็นเซอร์ช่วยให้ธุรกิจของคุณรับข้อมูลอุปสงค์และอุปทานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงใด เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของคุณให้มากที่สุดและสร้างความยืดหยุ่นด้วยเทคโนโลยีซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ที่ตอบสนองต่อความท้าทายโดยอัตโนมัติ

วิธีปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ด้านซัพพลายเชน

 

ซัพพลายเชนของคุณจะไม่ชะลอตัวในขณะที่คุณปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกโซลูชันที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็วและทำงานร่วมกับระบบที่คุณใช้อยู่ในปัจจุบันได้ เริ่มต้นโดยการ:

 

  • เรียกประชุมทีมต่างๆ เพื่อระบุว่าส่วนใดของการดำเนินงานของคุณที่ต้องการความสามารถใหม่ๆ ที่สำคัญ
  • จัดลำดับความสำคัญของนวัตกรรมใหม่ด้านซัพพลายเชนแต่ละรายการที่คุณต้องการและทำการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจจะดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
  • พิจารณาใช้โซลูชันสำเร็จรูปที่ไม่ต้องเขียนโค้ดเอง
  • เลือกอินเทอร์เฟซแบบ Low-Code หรือ No-Code บนระบบคลาวด์ที่ช่วยให้คุณรวมข้อมูลไว้ในที่เดียวได้
  • ใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถด้าน AI การเรียนรู้ของเครื่อง และการทำงานอัตโนมัติที่ทันสมัยที่สุดในท้องตลาด

 

ทำให้การนำเทคโนโลยีใหม่ด้านซัพพลายเชนมาใช้ของคุณง่ายขึ้นและคุ้มค่ามากขึ้นโดยใช้ Microsoft Dynamics 365 ซึ่งสามารถช่วยให้คุณสร้างซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่นยิ่งขึ้นด้วยแพลตฟอร์มแบบแยกส่วนที่ผสานรวมกับระบบที่คุณใช้อยู่ในปัจจุบัน ด้วย Dynamics 365 Supply Chain Management คุณจะได้รับความคล่องตัวและความสามารถในการมองเห็นแบบเรียลไทม์สำหรับการดำเนินงานต่างๆ ของคุณ เพื่อให้คุณสามารถเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป

 

เรียนรู้เพิ่มเติม

คำถามที่ถามบ่อย

 

เทคโนโลยีล่าสุดในการจัดการซัพพลายเชนมีอะไรบ้าง

 

เทคโนโลยีล่าสุดใน การจัดการซัพพลายเชน  ได้แก่ อุปกรณ์ IoT ที่ใช้เซ็นเซอร์, วิทยาการหุ่นยนต์, AI และการวิเคราะห์ขั้นสูง, เวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ, แบบจำลองเสมือน, หอควบคุม, บล็อกเชน และโซลูชันซอฟต์แวร์ที่จัดองค์ประกอบได้ นวัตกรรมซัพพลายเชนทั้งหมดนี้กำลังสร้างประสิทธิภาพใหม่ที่น่าทึ่งในหลากหลายอุตสาหกรรม

 

เทคโนโลยีซัพพลายเชนใช้ทำอะไร

 

เทคโนโลยีซัพพลายเชนใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งความสามารถในการมองเห็นการดำเนินงาน สินค้าคงคลัง และความต้องการแบบเรียลไทม์ และเพื่อปรับปรุงกระบวนการในด้านต่างๆ ของธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ โดยสามารถช่วยให้ธุรกิจดำเนินการได้อย่างรวดเร็วตามสัญญาณจากซัพพลายเออร์ ลูกค้า และโลกภายนอกเพื่อลดการหยุดชะงักที่มีค่าใช้จ่ายสูง

 

เทคโนโลยีซัพพลายเชนที่เกิดขึ้นใหม่คืออะไรบ้าง

 

เทคโนโลยีซัพพลายเชนที่เกิดขึ้นใหม่นั้นมุ่งเน้นไปที่การใช้ความสามารถที่มีการพัฒนาขั้นสูง เช่น AI, หุ่นยนต์, ตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ และ IoT เพื่อเพิ่มความสะดวกในการลดอุปสรรคด้านซัพพลายเชน เร่งความเร็วในการส่งมอบ และปรับปรุงกระบวนการการผลิตและการดำเนินการตามคำสั่งซื้อให้เหมาะสม

 

อนาคตของอุตสาหกรรมซัพพลายเชนจะเป็นอย่างไร

 

อนาคตของอุตสาหกรรมซัพพลายเชนจะต้องมีความรวดเร็วมากขึ้นและมีความคล่องตัวทางธุรกิจเพื่อตอบสนองความคาดหวังที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของผู้บริโภค เทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพซัพพลายเชนกำลังมอบประสิทธิภาพใหม่ๆ ในการประกอบธุรกิจ ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป

 

เทคโนโลยีกำลังปรับปรุงซัพพลายเชนอย่างไร

 

เทคโนโลยีกำลังปรับปรุงซัพพลายเชนโดยการทำให้ธุรกิจมีความสามารถที่ดียิ่งขึ้นในการมองเห็นข้อมูลทั้งหมด วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้สามารถทำการตัดสินใจที่ดีที่สุด และทำให้กระบวนการต่างๆ เป็นอัตโนมัติเพื่อให้พนักงานที่เป็นมนุษย์ไม่ต้องทำงานที่น่าเบื่อและเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย เทคโนโลยีใหม่ด้านซัพพลายเชนยังช่วยให้ธุรกิจตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านความพร้อมจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ คุณภาพ และการส่งมอบอีกด้วย

 

ติดต่อเรา

ขอให้เราติดต่อคุณ

ให้ผู้เชี่ยวชาญ Dynamics 365 Sales ติดต่อคุณ

ติดตาม Dynamics 365